ผม "แดง" นะครับ อ้อ ใช่ครับ นั่นแหละที่มาของ Mr.RedHair นั่นเอง เรามาแชร์โลกการลงทุนให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้นกันนะครับ

ใกล้ได้เวลาสิ้นปีกันอีกแล้วนะครับ หลายคนคงกำลังมองหา LTF น่าสนใจๆ เพื่อที่จะเข้าลงทุน พ่วงด้วยการลดหย่อนภาษี หลายครั้งเราก็เลือกตามเค้าบอกมา หลายครั้งเราก็ซื้อๆไป เพียงเพราะว่าจะเอามาลดหย่อนภาษี รู้ใช่มั๊ยครับว่า ถ้าเลือกดีๆ LTF สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าที่ลดหย่อนไปเสียอีก หรือบางที อาจจะขาดทุน ไม่คุ้มกับที่ลดหย่อนภาษีไปก็ได้ เอาละครับ วันนี้เรามาดูข้อมูล LTF เน้นๆ ผ่านข้อมูลเชิงสถิติกันครับ


รูปนี้เริ่มจากการ Ranking ด้วยผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง (Annualized) เอามา 10 ตัวแรก แล้วจึงมาดูในข้อมูลกันนะครับ ได้ผลสรุปมาประมาณนี้ครับ


ด้านของผลตอบแทนในอดีต

CG-LTF ถ้าดูกันยาวๆ คือเน้นผลตอบแทนในอดีตที่ยาวหน่อย อย่าง 3 ปี 5 ปี จะเห็นว่า CG-LTF น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะเป็นอันดับ 1 (จาก 10 กองทุนนี้ครับ) ทั้ง 2 ช่วง period แต่ผลตอบแทน 1 ปีที่ผ่านมา อาจจะด้วยสภาวะเศรษฐกิจ และปัจจัยตลาด ที่ทำให้หุ้นเป็นขาลง จึงทำให้ตัวเลขติดลบพอสมควร

PHATRA LTFD จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะทั้ง 3 Period ที่ดู ปรากฎว่าติดอยู่ในอันดับ 2 ทั้ง 1 ปี และ 3 ปีย้อนหลัง แต่ในส่วน 5 ปีย้อนหลังเอง แม้จะอันดับ 3 แต่ก็ไม่ห่างจากที่ 1 และ 2 มากนัก  บวกกับหากชอบปันผลด้วยแล้ว ตัวนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ

MG-LTF ถือว่าต้องเข้าไปดูรายละเอียดกันสักหน่อย เพราะว่าแม้ 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจะเป็นขาลง แต่ตัวนี้กลับยังสร้างผลตอบแทนในด้านบวกได้ แต่ถ้าดูที่ 3 ปี และ 5 ปีย้อนหลัง อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงอยู่ในแดนบวกครับ


ด้านความผันผวน (Standard Deviation)

70/30-D LTF ดูทั้ง 3 Period ปรากฏว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียวครับ ด้วยนโยบาย 70/30 ที่แบ่งการลงทุนเป็นตราสารทุน 70 และตราสารหนี้ 30 อีกทั้งยังมีการจ่ายปันผลออกมา น่าจะส่งผลต่อความผันผวนด้วย ทำให้ด้านความผันผวนเอง 70/30-D LTF ค่อนข้างโดดเด่นครับ


MS-CORE LTF ใน Period ของ 3 และ 5 ปีย้อนหลัง อยู่ระดับที่ดีกว่าในกลุ่ม ด้วยนโยบายที่เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET50 ความผันผวนนี้จึงเป็นไปตามตลาดนะครับ สำหรับคนที่เน้นลงทุนตามดัชนี ตัวนี้ก็คงเป้นตัวเลือกตัวหนึ่งครับ


ด้านผลตอบแทนเทียบความเสี่ยง (sharpe ratio)

P-LTF ถ้าดูในระยะ 3 และ 5 ปี มาเป็นอันดับ 1 ใน 10 กองทุนนี้เลยครับ อีกทั้ง Morningstar rating ได้ถึง 5 ดาว มองในมุมของความคุ้มเสี่ยงตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ

CG-LTF ในด้านผลตอบแทนเอง CG-LTF ก็อยู่ในอันดับที่น่าสนใจอยู่แล้ว ในมุมของ sharpe ratio เอง ก็ยังอยู่อันดับที่น่าสนใจทีเดียวครับ อีกทั้ง Morningstar rating ได้ถึง 5 ดาว จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย แต่ก็ต้องชั่งใจกันนิดหน่อย ตรงที่มีค่าธรรมเนียมขายอยู่ที่ 1% ครับ แต่ถ้าเราเชื่อในการบริหารกองทุนดังกล่าวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ อาจจะคุ้มกับค่าธรรมเนียมเช่นกันนะครับ

PHATRA LTFD มาดูในส่วนของ sharpe ratio ทั้ง 3 ช่วงระยะเวลาจัดว่าน่าสนใจไม่น้อย ทั้งในด้านของผลตอบแทนในอดีต บวกกับ Morningstar rating ที่ได้ถึง 5 ดาว จึงทำให้น่าจับตาทีเดียวครับ


ถ้าต้องการทราบในรายละเอียดมากกว่านี้ สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.wealthmagik.com นะครับ

ขอให้โชคดีในการลงทุน และได้ LTF ที่ถูกใจนะครับ
Mr.RedHair

เข้าสู่ส่วนแรกที่จะมาแนะนำในวันนี้ ก็คือ MyIOS ย่อมาจาก Investment Objective Setting หมายถึงการตั้งจุดประสงค์ในการลงทุนของเรา จริงๆแล้วจะให้สมบูรณ์ต้องรวมเข้ากับ MyPlan นะครับ แต่ก่อนอื่นเลย เรามารู้ถึง ระดับการยอมรับความเสี่ยง กันก่อนเลยดีกว่า

My IOS


ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุน สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด คือการที่ต้องรู้จักตัวเองก่อน เพื่อให้การวางแผนการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะครับ ซึ่งการเข้าใช้งาน MyIOS นี้ก็ไม่ยากเลย โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกันครับ

ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่ www.wealthmagik.com/IOS/IOSProfile.aspx


ตามรูปนะครับ จะเป็นการสอบประวัติคร่าวๆ ซึ่งในส่วนของรายได้ สามารถประมาณๆก่อนได้ครับ หรือจะไม่กรอกก็ได้ครับ จากนั้นกดปุ่ม "ต่อไป" 

ขั้นตอนที่ 2 

ในส่วนที่ 2 นี้จะประกอบด้วยคำถามที่ถามเชิงทัศนคติ และข้อมูลบางส่วน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ว่าระดับความเสี่ยงนะครับ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ข้อ (ในตรงนี้ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ สามารถคอมเม้นไว้ด้านล่างเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะมาตอบให้ครับ ^_^)

ขั้นตอนที่ 3


จะมีการแสดงข้อมูลเบื้องต้นที่เรากรอกในขั้นตอนที่ 1 ซึ่งส่วนสำคัญก็จะเป็นตรงระดับความเสี่ยง ที่วาดกรอบสีแดงไว้นะครับ เพียงเท่านี้เราก็จะทราบแล้วว่า ระดับการยอมรับความเสี่ยงของเรา ประมาณไหนนะครับ ทีนี้จะมีอีกส่วนหนึ่งที่มีประโยชน์มาก นั่นก็คือรูปแบบการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อลงทุน


ในส่วนนี้จะแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้ทราบว่า เราควรจะลงในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ปานกลาง ต่ำ โดยสัดส่วนแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดสรรโดยเน้นการกระจายความเสี่ยงนั่นเองครับ โดยในแต่ละรูปแบบสินทรัพย์ก็จะมีบอกตัวอย่างไว้ให้ครับ ว่าสินทรัพย์อะไรอยู่ในความเสี่ยงระดับไหนกันบ้าง จากส่วนนี้เอง หากต้องการไปดูข้อมูลกองทุนรวมต่อ ก็สามารถกดที่ปุ่ม "ค้นหากองทุน" ได้ครับ

หากเปรียบเทียบกับตลาดตอนนี้ คนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ที่จัดสรรไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำมากหน่อย และความเสี่ยงสูงน้อยหน่อย ก็อาจจะติดลบน้อยหน่อยนะครับ อิอิ 

เน้นย้ำนะครับ ว่าการจัดสรรการลงทุนแบบนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยง นั่นแปลว่าไม่ได้เน้นที่การสร้างผลตอบแทน แต่เน้นว่าตอนที่สินทรัพย์ความเสี่ยงสูงทำให้ขาดทุน อาจจะบาดเจ็บน้อยลงครับ


โชคดีในการลงทุนครับ
Mr.RedHair






เรื่องของความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราทำอะไร หรือลงทุนอะไร ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะดีใจจนน่าใจหาย หรืออาจจะต้องเสียใจจนรับไม่ได้ อย่างการลงทุนในหุ้นปั่น ถ้าเราลงทุนถูกจังหวะพอดี อาจจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่มาก แต่ถ้าพลาดอาจจะต้องเงิบไปเลยนะครับ นั่นเพราะเราไม่รู้จักความเสี่ยงที่จะตามมานั่นเอง

แต่นอกเหนือจากความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่เราลงทุนแล้ว ที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะสำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือระดับความเสี่ยงที่ตัวเราเองยอมรับได้นะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าผมถามว่า

                "คุณคิดว่า คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน"





... อาจจะตอบว่า น้อย, ปานกลาง หรือสูง หรือบางคนอาจจะยังตอบไม่ได้นะครับ คำถามคือรู้ได้อย่างไร ผมมีตัวอย่างหนึ่งอย่างเล่าให้ฟังครับ เพื่อนผมคนหนึ่งเคยบอกว่าเขาเองสามารถรับความเสี่ยงได้สูง และแน่นอนสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุด สำหรับคนรับความเสี่ยงได้สูงที่นิยมกัน ก็หนีไม่พ้นหุ้น และเพื่อนผมก็เข้าลงทุนในหุ้น แต่สิ่งที่ตามมาคือ

                เจ็บที่ 1 เค้าบอกมาว่า... หุ้น XXX มันดีนะ ..เข้าซื้อ ...และขาดทุน 20% ทันทีใน 1 อาทิตย์
                เจ็บที่ 2 เรียนรู้มากขึ้น รู้จัก Cut Loss ยอมขาดทุน เพื่อเอาเงินออกมาลงทุนในตัวที่ดีกว่า
                เจ็บที่ 3 เค้าบอกมาอีกแล้วว่า หุ้น YYY กำลังจะมา ....ผ่านไป 2 วัน ลงไป 10
                เจ็บที่ 4 หุ้น YYY กลับมากำไร 5% เลยกลับมาซื้อใหม่ และขาดทุนอีก 5% ใน 2 วันต่อมา
                เจ็บที่ 5 เจ็บตัวไปพอสมควร ..ซื้อแพง และขายถูก จนเงินเก็บลดลง

และสุดท้าย คิดว่าเกิดอะไรขึ้นครับ.. ใช่ครับ เค้าก็ออกจากตลาดหุ้น กลับไปหาที่พึ่ง ที่ไม่ต้องเสี่ยง.. และบอกต่อกันเรื่อยมาว่า อย่าไปเล่นเลยหุ้น มันเสี่ยง เดี๋ยวก็เสียเงินเปล่า ทั้งๆที่จริงๆแล้วในตลาด ก็มีนักลงทุนที่ได้กำไรจากตลาดหุ้น และผมเชื่อว่าถ้าผมถามว่า เชื่อมั๊ยว่า ตลาดหุ้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ...ทุกท่านก็น่าจะเชื่อ ..แต่การไปลงทุนแบบนี้โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ไม่วางแผน อาจจะทำให้กลัวการลงทุน และเสียโอกาสไปเลยนะครับ
ระดับความเสี่ยงของเรานั้น จะมองผ่าน 2 เรื่อง คือ

1. ความเต็มใจ

อาจจะดูจากพฤติกรรม หรือทัศนคติ เช่น บางคนอาจจะขับรถด้วยความเร็วมากกว่า 120 km/h ถามว่ารู้มั๊ยว่ามันเสี่ยง คำตอบคือรู้ แต่เต็มใจที่จะเสี่ยง หรือ บางคนดูเหมือนรับความเสี่ยงได้น้อย แต่ที่ผ่านมาในอดีต ลงทุนแต่สินทรัพย์เสี่ยงๆ เป็นต้น

2. ความสามารถ

ดูจากช่วงอายุ โดยตามทฤษฎีแล้ว อายุยิ่งน้อยยิ่งรับความเสี่ยงได้มาก นั่นเป็นเพราะแม้จะพลาด ก็ยังมีโอกาสแก้ตัว รวมถึงอาจจะมีทางบ้านคอย Support ให้ด้วย แต่ถ้าอายุมากใกล้เกษียณอาจจะทำงานได้น้อยลง รายได้ก็ลดลง ก็จะรับความเสี่ยงได้น้อย

ดูจากสถานะทางการเงิน ก็ต้องดูเรื่องรายรับรายจ่าย ว่ามีรายรับมากกว่ารายจ่ายหรือไม่ หรือยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอยู่ ซึ่งอาจจะรับความเสี่ยงได้น้อยลง รวมถึงความมั่งคั่งสะสมที่มีอยู่ด้วยนะครับ

สุดท้าย ถ้าเรารู้ระดับความเสี่ยงของเรา จะได้จัดสรรการลงทุนให้เหมาะสมกับจริตของเรามากยิ่งขึ้นนะครับ ถ้ารู้สึกว่า ก็ยังยากที่จะบอกระดับความเสี่ยงของตัวเอง ลองนี่ได้ครับ

                 www.wealthmagik.com/IOS/IOSProfile.aspx

และเข้าไปดูวิธีการใช้ MyIOS ได้จาก

                   knowwm.blogspot.com/2015/12/MyIOS.html

ใช้เวลาสั้นๆเพื่อตอบคำถามสักหน่อย คุณจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน ^^

โชคดีในการลงทุนครับ
Mr.RedHair

Mr.RedHair นะครับ วันนี้จะมาเริ่มที่วลีเด็ดกันก่อนเลย

"High Risk High Return"

ใครที่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุน คงได้ยินคำนี้มาบ้างนะครับ ซึ่งความหมายมันไม่ได้แปลว่า ถ้าคุณเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมาก แล้วจะได้ผลตอบแทนที่มากนะครับ แต่หมายถึง สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงนั่นเองครับ นั่นแปลว่า สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภท High Risk อาจจะไม่ใช่ High Return แต่เป็น High Loss ครับ เพราะฉะนั้น การที่เราจะเข้าไปลงทุนสินทรัพย์ประเภทไหนนั้น เราควรจะรู้ด้วยว่าสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ ความเสี่ยงอยู่ในระดับไหน

แล้วความเสี่ยงพวกนี้มาจากไหนนะ
สิ่งที่เห็นชัดที่สุด และใกล้ตัวที่สุดที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นๆนะครับ ก็คือ ราคา ครับ ตัวอย่างเช่น






ถ้ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงของราคาของสินทรัพย์นั้นๆมีความผันผวนสูง ก็ยิ่งแสดงถึงโอกาสที่สร้างผลตอบแทนได้สูง ในทางกลับกัน ก็คือมีโอกาสจะขาดทุนได้สูงนั่นเองครับ ซึ่งราคาก็ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเสี่ยงที่สินทรัพย์นั้นๆได้รับด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ หรือปัจจัยเฉพาะครับ


แล้วเราจะรู้ได้ยังไงละว่า สินทรัพย์ประเภทนั้นๆ เสี่ยงแค่ไหน
ดูจากรูปนี้ได้เลยครับ เป็นรูปจาก http://www.set.or.th/ นะครับ


และถ้าเป็นช้อมูลกองทุนรวม ก็ยังสามารถเข้าไปดูจาก
www.wealthmagik.com, www.morningstarthailand.com หรือเว็บของ บลจ. ที่ดูแลกองทุนนั้นๆนะครับ


ทีนี้เราจะพอทราบแล้วว่า สินทรัพย์ที่เราลงทุน หรือกำลังสนใจนั้น มีความเสี่ยงระดับใด แต่ยังมีความเสี่ยงอีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องรู้ก่อน เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นนะครับ ความเสี่ยงนั้นคืออะไร สามารถติดตามได้ในบทความถัดไปนะครับ


Mr.RedHair

กลับมาอีกครั้งกับหน้าแรกของ WealthMagik.com นะครับ วันนี้ผมจะมาอธิบายไปทีละจุดกันเลยนะครับ
บอกได้เลยว่า ถ้าติดตามผมไปเรื่อยๆแบบนี้ คุณก็เชี่ยวชาญการใช้งาน WealthMagik เลยละครับ




จุดที่ 1 Social Channel ลิงค์ต่างๆของ WealthMagik เป็นจุดที่ลิงค์ไปยัง Channel ต่างๆของ WealthMagik นะครับ ประกอบด้วยส่วนของ
- www.facebook.com/WealthMagik
   ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งเข้ามาใช้ WealthMagik เป็นประจำ ก็ไม่น่าจะพลาดที่จะเข้าไป like page ไว้หน่อยนะครับ
- https://twitter.com/WealthMagik
   เป็นส่วนของ Twitter ครับ ซึ่งก็สามารถตามข่าวทางนี้ได้เช่นกัน (กระซิบว่า ทาง Facebook จะได้ความเคลื่อนไหวที่มากกว่านะครับ)
- https://www.youtube.com/WealthMagikChannel
   ถ้าอยากรู้ว่า WealthMagik เรามีไปออกงานที่ไหนบ้าง มีใครมาพูดให้เราบ้าง ตามดูทางนี้ก็ไม่เลวนะครับ

จุดที่ 2 จุดเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ปุ่มสำหรับนักลงทุนมือใหม่ นี่ก็เป็นลิงค์ที่จะนำไปอ่านข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ ก็สามารถลิงค์นี้ไปได้เช่นกัน หรือจะอ่านจากบทความก่อนหน้าของผมก็ได้นะครับ
ที่ http://knowwm.blogspot.com/2015/09/wealthmagik.html

จุดที่ 3 ค้นหากองทุนรวมง่ายๆ, สมัครใช้งาน และ Login
    - ช่องค้นหากองทุนรวม จริงๆเป็นจุดที่บอกเลยว่า ถ้าคุณต้องการหากองทุนที่สนใจ นี่คือช่องทางลัดเลยครับ โดยเราสามารถพิมพ์ Fund Code หรือส่วนของชื่อกองทุน ซึ่งก็จะมี suggest มาให้ พอเรากดไป ก็จะไปที่หน้ารายละเอียดของกองทุนรวมนั้นๆเลยครับ
    - Register เป็นลิงค์ไปเพื่อทำการสมัครสมาชิกครับ (ผมแนะนำให้สมัครไว้นะครับ เพราะว่า ฟรี!! จะได้ใช้บริการแบบไม่มีสะดุด)
    - Login สำหรับผู้เป็นสมาชิกแล้วสามารถ Login ตรงนี้ได้เลย จะได้ใช้งาน WealthMagik ได้อย่างเต็มรูปแบบนะครับ



จุดที่ 4 เมนูหลักๆ, Banner และ 6 เครื่องมือหลัก
เป็นส่วนของเมนูหลักๆ Banner และส่วนของ 6 ปุ่มการทำงานหลักของ WealthMagik ครับ



จุดที่ 5 แถบกองทุนยอดนิยม 25 อันดับ 1 สัปดาห์ย้อนหลัง ก็ถ้าอยากรู้ว่านักลงทุนในนี้เข้ามาดูอะไรกัน ตรงนี้ก็บอกได้ครับ ^^

จุดที่ 6 WealthMagik Ranking จัดอันดับกองทุนรวมใน 3 มุมมอง เป็นปุ่มกดสำหรับเข้าไปดูการจัดอันดับใน 3 มิติที่ทำเราง่ายขึ้นในการนั่งคัดกองทุนครับ

จุดที่ 7 ข่าวประชาสัมพันธ์ จะเป็นส่วนที่ประชาสัมพันธ์ทั้งส่วน Features ใหม่ๆ และข่าวจาก บลจ. ต่างๆนะครับ

จุดที่ 8 WealthMagik Top 5 ตามผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี เป็นส่วนที่นักลงทุนน่าจะสนใจ เพราะก็แบ่งประเภทหลักๆให้ได้ดูกันว่า เรียงตามผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ใครติดอันดับขึ้นมาบ้างนะครับ ซึ่งก็ประกอบไปด้วย 9 ประเภทกองทุนรวม ซึ่งในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ผมคิดว่าดูตรงนี้อาจจะไม่สะท้อนเท่าไหร่ ด้วยว่ากองประเภทนี้ พอผ่านช่วง IPO ก็ต้องซื้อขายกันผ่านตลาดหลักทรัพย์ เหมือนๆหุ้นเลยครับ




จุดที่ 9 เงินฝาก, ดัชนีหุ้น, ทองคำ, อัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมัน
    - เงินฝาก ซึ่งจะเป็นเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ ที่ช่วยเราระดับหนึ่งในการที่เราไม่ต้องไปค้นหาหลายๆที่ ตรงนี้ก็มีมาให้เลือกส่วนหนึ่งเลยครับ และถ้ากดเข้าไปดู ก็ยังมีความสามารถให้ได้ใช้งานกัน ซึ่งจะมีอธิบายรายละเอียดกันในตอนหลังนะครับ
    - ดัชนีหุ้น ก็จะเป็นส่วนที่แสดงดัชนีหุ้นนะครับ ได้แก่ SET, MAI, TFEX รวมถึงดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศต่างๆ
    - ทองคำ มีทั้งส่วนแนวโน้มราคาทอง และราคาซื้อขายปัจจุบันในประเทศไทยครับ
    - อัตราแลกเปลี่ยน ตรงนี้ก็มีตัว Currency Converter ที่ผมเข้าใช้ในการ convert บ่อยๆนะครับ ถ้านึกไม่ออกว่าจะใช้ที่ไหน ที่นี่ก็มีให้ใช้นะครับ
    - ราคาน้ำมัน แสดงราคาน้ำมันต่างๆ รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันโลกครับ

จุดที่ 10 กระทู้อัพเดท 5 อันดับล่าสุด จะเป็นการดึงหัวข้อใน Webboard 5 อันดับแรกที่อัพเดทล่าสุดมาแสดงครับ เราก็สามารถตามเข้าไปอ่าน แสดงความคิดเห็น หรือไปสอบถามชุมชน WealthMagik ได้เลยนะครับ

จุดที่ 11 ข่าวเด่นจากหลากหลายแหล่ง จะแบ่งเป็นข่าวกองทุนรวม, การเงิน-การลงทุน และกลุ่มข่าวอื่นๆ ซึ่งดึงข้อมูลมาจากหลายๆเว็บ เราก็สามารถมาตามดูในนี้ได้ครับ

จุดที่ 12 ข่าวสารการลงทุน ทั้งกองทุนรวมเปิดใหม่, บทความ, บทวิเคราะห์
    - กองทุนเปิดใหม่ ก็จะเป็นข้อมูลกองทุนที่กำลังจะเปิด หรืออยู่ในช่วง IPO นะครับ เพื่อให้นักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆไม่พลาดนั่นเอง
    - บทความ ก็จะมีบทความต่างๆที่มาแนะนำ ให้ความรู้ หรือแชร์ทัศนคติด้านการลงทุน
    - บทวิเคราะห์ ได้แก่บทวิเคราะห์ที่นำมาจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และส่วนของ KTAM Research ซึ่งในอนาคตอาจจะมีจากแหล่งอื่นเพิ่มเติมนะครับ




จุดที่ 13 Video WealthMagik เพื่ออำนวยความสะดวก เราก็สามารถดู Video ผ่านหน้านี้ได้เลย โดยไม่ต้องไปเข้า Youtube ก็ได้ครับ (แต่ใน Youtube.com อัพเดทกว่านะครับ)

จุดที่ 14 ดาวโหลด Application, ช่องทางเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ เป็นส่วนของ ลิงค์สำหรับไปดาวโหลด Application บนมือถือ และโฆษณาต่างๆ รวมถึงปุ่มลิงค์เพื่อเข้าใช้งานต่างๆใน WealthMagik นะครับ

เป็นยังไงบ้างครับกับ 14 จุดบนหน้าแรก แค่หน้าเดียวก็มีอะไรให้ได้อ่าน ให้ได้สนใจกันแล้ว ข้างในแต่ละส่วนยังมีความสามารถต่างๆเพื่อให้นักลงทุนนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อีกมากเลยนะครับ อย่างที่บอกแต่ต้นครับว่า Mr.RedHair จะพาไปรู้จัก WealthMagik แบบไม่มีกั๊กกันเลย ถ้าอยากรู้ตามผมมานะครับ ^_^

สวัสดีครับ เริ่มต้นกับหัวข้อแรกกัน WealthMagik.com คืออะไร 

ผม Mr.RedHair (ผม "แดง") จะอธิบายตั้งแต่ภาพรวมของทั้งเว็บ รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละส่วน ในแต่ละหน้า เพื่อให้ผู้ที่ใช้ หรือผู้ที่กำลังจะใช้ หรือผู้กำลังสนใจเรื่องของการลงทุน แล้วไม่รู้จะเริ่มจากไหน มาเริ่มที่ WealthMagik.com สิครับ โดยมีผมเป็นไกด์ให้ จะได้รู้ว่า 

"เอ้ย!! เริ่มตรงไหนดี"
"แล้วเจ้านี่มันคืออะไร ช่วยอะไรได้"
"เอ๊ะ! มันไม่มีเครื่องมือหน้าตาแบบนี้บ้างหรอ" (ซึ่งอันนี้จริงๆอาจจะมี แค่คุณ ไม่เคยรู้)



 เรามาเริ่มกันตั้งแต่ส่วนหลักที่ทาง WealthMagik.com นำเสนอกันนะครับ ก็คือเจ้าลูกกลมๆ 6 ลูก ที่อยู่ในรูปด้านบนนี้ครับ ซึ่งประกอบไปด้วย


          My IOS - Investment Objective Setting 
          แท้จริงแล้วคือเครื่องมือสำหรับดูว่าเรารับความเสี่ยงได้ระดับไหนนะครับ 

          My Plan - Financial Planner 
          เป็นส่วนของการวางแผนทางด้านการเงินนะครับ ปัจจุบันมีด้วยกัน 6 แผนนะครับ ไว้ใช้เพื่อวางเป้าหมาย และทำการตรวจสอบว่า แผนปัจจุบันที่เราทำอยู่ มันตอบโจทย์เป้าหมายของเราหรือเปล่า

          My Screener 
          ส่วนนี้จะเรียกว่า my ก็ไม่เชิงนะครับ เพราะว่าจริงเป็นเครื่องมือที่ดีตัวหนึ่งเลยที่ใช้ในการคัดกรองข้อมูลกองทุนที่มีซื้อขายกันอยู่ เป็นอะไรที่ผมนำเสนอมากๆครับ

          My SimPort
          ไว้สำหรับคนอยากมีพอร์ต แต่ยังไม่กล้าลงทุนจริงๆนะครับ ก็สามารถมาใช้ตรงนี้กันก่อน ให้ได้รู้และเข้าใจ เพื่อเตรียมลงสนามจริง หรือใครที่ลงทุนในหลายๆที่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ไม่สามารถรวมข้อมูลไว้ด้วยกันได้ ก็จะมาใช้ตรงนี้เพื่อสรุปรวมพอร์ตก็ได้ครับ อ๊ะ!! มีการตั้งค่าแจ้งเตือนด้วยนะครับ

          My WatchList
          สำหรับคนที่สนใจกองทุนไหนเป็นพิเศษ อยากทำ Favorite ไว้ตามดู ก็หน้านี้เลยครับ ที่รวบรวมไว้ ความน่าสนใจก็ขึ้นอยู่กับคนนำไปใช้นะครับ จะเอาไว้เปรียบเทียบข้อมูลเรื่อยๆ แบบที่ไม่ต้องไปดูทีละตัวก็ทำได้ หรืออาจจะใช้การตั้งค่าแจ้งเตือนด้วย เป็นประโยชน์มากนะครับ

          My Trade
          ตรงนี้ก็ตรงไปตรงมาครับ คือถ้าใช้เครื่องมือของ WealthMagik.com มาขนาดนี้แล้ว จะให้ครบ Flow ก็ต้องลงทุนกันจริงๆ ซึ่งก็สามารถเปิดบัญชีเพื่อทำการซื้อขายกันได้ ซึ่งสามารถซื้อกองทุนได้หลาย บลจ. เลยครับ ส่วนมี บลจ. ใดบ้างนั้น ก็เข้าไปดูได้ที่ www.wealthmagik.com/MyTrade.aspx ได้เลยครับ

          ถ้าอยากรู้ว่ารายละเอียดข้างในเป็นอย่างไร ตามผมมานะครับ แล้ว Mr.RedHair หรือ ผม "แดง" จะอธิบายให้ฟังกันครับ สำหรับหน้าแรกนี้ ก็ไม่ได้หมดแค่นี้นะครับ จะมาต่อให้ในบทความต่อไปครับ