ผม "แดง" นะครับ อ้อ ใช่ครับ นั่นแหละที่มาของ Mr.RedHair นั่นเอง เรามาแชร์โลกการลงทุนให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้นกันนะครับ

ขายดีมั๊ย! พอร์ตติดดอย





ในช่วงที่สภาวะตลาดแบบนี้ที่ส่งผลให้ทั้งพอร์ตหุ้น หรือพอร์ตกองทุนที่ลงทุนในหุ้นก็ดี พบกับตัวเลขขาดทุนที่อาจจะทำให้หลายๆคนตกใจ และคำถามยอดฮิตที่พบประจำช่วงนี้ก็คือ

"ขายก่อนดีมั๊ย! แล้วค่อยเข้าใหม่"

"ทำยังไงดี ไม่ได้เปิดมานาน ขาดทุนไปเยอะเลย"

ซึ่งจริงๆแล้วก็มีกูรูหลายท่านที่ออกมา ชี้แนะแนวทางกัน แต่วันนี้ผมคิดว่า สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุน ถ้าผมขอให้ย้อนกลับไปในวันที่ เราเข้ามาลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหุ้น ก็ดี เราตั้งใจจะมาทำกำไรระยะสั้น เพื่อออม เพื่อปันผล หรือว่าด้วยจุดประสงค์ใด

หากเป็นการทำกำไรระยะสั้น ผมคิดว่านั่นก็อาจจะทำให้ต้อง cut-loss ยอมขาดทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนสร้างผลตอบแทนทางอื่น หรือต้องคอยดูสัญญาณอย่างจดจ่อ

แต่ถ้าเป็นระยะยาว หรือเพื่อออมเงินให้มากพอ จนปันผลออกมาพอใช้ ซึ่งการที่นำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนเลย คือ ควรจะนำ "เงินเย็น" หรือเงินที่ไม่รีบร้อนหรือจำเป็นต้องใช้ปัจจุบันทันด่วนมาลงทุน ไม่ใช่ "เงินร้อน" นะครับ เพราะอาจจะเดือดร้อน 2 ต่อ ทั้งความเสี่ยงที่จะขาดทุน ประกอบกับจังหวะที่เราจำเป็นต้องใช้เงินแต่ไม่พอให้ใช้


ทีนี้สำหรับคำถามยอดฮิตในช่วงนี้ เพื่อให้เห็นทางเลือกอย่างชัดเจนนะครับ ผมจะจำแนกออกมาดังนี้

1. เงินเย็น และเชื่อว่ากองทุนนี้ยังดีได้ในอนาคต
    ปล่อยไว้ อาจจะซื้อเพิ่ม เพราะถือว่าต้นทุนต่ำลงมาแล้ว วันหนึ่งจะดีได้

2. เงินเย็น ก้ำกึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะดีหรือไม่ดี
    ปล่อยไว้ แต่เงินที่จะซื้อเพิ่มไปเพิ่มที่กองอื่น หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น เพื่อลดความเสี่ยง หรือสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ใหม่

3. เงินร้อน เพราะจะนำเงินไปลงทุน หรือทำอย่างอื่นโดยด่วน และคิดว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี
    ยอมขาดทุน และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เชื่อมั่นกว่า
    (จะยอมขาดทั้งก้อน เจ็บแต่จบ หรือทยอยออกเพื่อดูทีท่า ขึ้นอยู่กับเราครับ)

4. เงินร้อน เพราะต้องใช้เงินด่วนจริงๆ
    คิดว่ารู้คำตอบกันอยู่แล้วนะครับ

สุดท้ายลองดูนะครับ ว่าเราตกสถานการณ์ไหน เห็นแบบนี้น่าจะทำให้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น หรืออาจจะมีทางเลือกอื่นที่คิดได้นะครับ ยังไงแล้วผมหวังว่า เพื่อนๆจะได้คำตอบที่ดีนะครับ

โชคดีในการลงทุน ให้ตลาดสวยงามไวๆครับ
Mr.RedHair